การทำบุญ

ต้องนึกถึงบุญ

เราแสวงหาบุญสร้างบารมี บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ได้บุญแล้ว ให้ใจจรดอยู่ที่บุญนั้น เมื่อประสบภัยได้ทุกข์ยากประการใด ก็นึกถึงบุญนั้น อย่าไปนึกสิ่งอื่นให้เหลวไหลต้องนึกถึงบุญ อย่างอื่นอย่าไปนึก นึกถึงบุญแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อต้องภัยได้ความทุกข์ยากลำบากอย่างใด ก็ให้นึกถึงบุญ เอาใจไปจรดอยู่ที่บุญ ทำมาค้าขายอะไร ก็ให้เอาใจไปจรดที่บุญนั้น จะได้ค้าขายคล่อง ได้กำไรเกินควรเกินค่าที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๕๕ – ๕๖  (กัณฑ์ที่ ๓๐ ภัตตานุโมนากถา ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗)

บุญทำให้สะดวกสบาย

ถ้าเรามีบุญเสียแล้ว จะค้าขายก็ร่ำรวย จะทำงานทำกิจการอะไรก็เจริญ จะหาทรัพย์สมบัติก็ได้คล่อง สะดวกสบายไม่ติดขัดแต่ประการใด ถ้าว่าไม่มีบุญ จะทำอะไรก็ติดขัดไปเสียทุกอย่างทุกประการดังนั้น จึงได้ชักชวนพวกเราให้มาทำบุญทำกุศลเสีย จะได้เลิกจน เลิกทุกข์ยากลำบากเสียทีที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๕๒  (กัณฑ์ที่ ๓๐ ภัตตานุโมนากถา ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗)

วัตถุทาน

บุญนั้น ไม่ใช่มองไม่เห็น มองเห็นได้ บุญนั้นอยู่ที่ไหน รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร เราทำให้ถูกส่วนเข้า จึงจะมองเห็นบุญอย่างแน่แท้ โดยไม่ต้องสงสัยการทำบุญ ต้องทำให้ถูกส่วน ถูกส่วนตรงไหน คือนำเครื่องไทยทานวัตถุ มาถวายพระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์รับเครื่องไทยทานวัตถุจากมือของผู้ให้ เครื่องไทยทานขาดจากสิทธิของผู้ให้ เป็นสิทธิของผู้รับขณะใด ปุญญาภิสันทา บุญไหลมาในขณะนั้นที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๔๖  (กัณฑ์ที่ ๓๐ ภัตตานุโมนากถา ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗)

สำคัญ คือ การให้

ทานํ เทติ ทานการให้ คนเราจำเป็นต้องให้ทุกคน ถ้าไม่สละ ไม่ให้ไม่ได้ เพราะถ้าไม่ให้กันแล้ว จะได้ประโยชน์อย่างไร หากให้กันแล้ว จึงจะได้ประโยชน์ แต่ว่าต้องให้โดยไม่มุ่งหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทน จึงจะเป็นทานแท้ๆ ถ้ามุ่งหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ไม่เป็นทานถ้าว่าคนมีปัญญาฉลาดอย่างนี้ ตระกูลของตนจะใหญ่โตสักปานใดก็ตาม ให้ให้หนักเข้า คนก็จะมากขึ้นเป็นลำดับ เป็นสุขขึ้น กินก็เป็นสุข นอนก็เป็นสุข ทั้งกาย วาจา และใจ เพราะการให้นั่นแหละเป็นตัวสำคัญที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๔๑ – ๔๒  (กัณฑ์ที่ ๓๐ ภัตตานุโมนากถา ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗)

ดวงบุญช่วย

เมื่อสละไทยธรรมเสร็จ ขาดลงไป มอบให้แก่พระภิกษุ พระภิกษุรับ เป็นสิทธิใช้ได้บริโภคได้ ให้เด็กให้เล็ก ให้ใครก็ได้ เป็นสิทธิ์ของผู้รับ ขาดจากสิทธิ์ของผู้ให้ขณะใด ขณะนั้นแหละ ปุญฺญาภิสนฺทา บุญไหลมาจากสายธาตุสายธรรม  ของตัวเองโดยอัตโนมัติ เข้าสู่อัตโนมัติ คือดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ ในกลางกายมนุษย์นี้ กลางดวงนั่นแหละ เป็นที่ตั้งของบุญ บุญไหลมาติดอยู่กลางดวงนั้นเมื่อต้องภัยได้ทุกข์อะไร จรดอยู่ดวงบุญนั้น ให้ดวงบุญนั้นช่วย อย่าไปนึกถึงสิ่งอื่นนะ นึกถึงบุญกุศลที่ตนกระทำนั้นแหละ เป็นที่พึ่งของตัวจริง ช่วยตัวได้จริงๆ. BBที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๒๑๔ – ๒๑๕ (กัณฑ์ที่ ๖ สังคหวัตถุ  (๒๐ กันยายน ๒๔๙๖)

ศาสนาพุทธ อยู่ได้ด้วยการให้

ศาสนาพุทธนี้ อยู่ได้ด้วยการให้ ถ้าเลิกให้กันเสียสักเดือนเดียว ข้าวปลาอาหารไม่ให้กันละ หยุดกันหมดทั้งประเทศ ทุกบ้านทุกเรือนไม่ให้กันละ ศาสนาดับ พระเณรสึกหมด หายหมดไม่เหลือเลย นี่เพราะอะไร เพราะการให้นี่เองการให้นี่สำคัญนัก เพราะทุกคนอยู่ได้ด้วยการให้ทั้งนั้น ท่านจึงได้ยืนยันเป็นตำรับตำราว่า ให้โภชนาหารอิ่มเดียว ได้ชื่อว่าให้ฐานะ ๕ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ เป็นที่ปรารถนาของคนทั้งหลาย. BBBที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๒๑๑ (กัณฑ์ที่ ๖ สังคหวัตถุ  (๒๐ กันยายน ๒๔๙๖)

การบริจาคทาน

การบริจาคทาน ถ้าถูกทักขิไณยบุคคล ก็เป็นผลยิ่งใหญ่ไพศาล ถ้าไม่ถูกทักขิไณยบุคคลแล้ว ผลนั้นก็ทรามต่ำลง ก็ผลนั้นรุนแรงสูงขึ้น มีกำลังกล้าขึ้นทักขิไณยบุคคลนั่นแหละ เป็นบุคคลซึ่งควรทาน ทานสมบัติเป็นเครื่องเจริญผลพระพุทธเจ้าพระอรหันต์เมื่อมีพระชนม์อยู่ ก็มีการให้อย่างนี้ จึงเจริญรุ่งเรืองอยู่ได้ ถ้าปราศจากการให้อย่างนี้แล้ว เจริญรุ่งเรืองอยู่ไม่ได้ เมื่อให้ความเจริญแก่พระพุทธศาสนาแล้ว ความเจริญก็หันเข้าสู่ตัวไม่ต้องไปสงสัย ได้ชื่อว่าให้ความเจริญแก่ตัวนั่นเองทีหลัง.ที่มา: มรดกธรรม เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๒๐๖, ๒๑๓ (กัณฑ์ที่ ๖ สังคหวัตถุ  (๒๐ กันยายน ๒๔๙๖)

พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญ

เราเป็นพุทธศาสนิกชน หญิงก็ดีชายก็ดี เมื่อเราจะแสวงหาบุญกุศลในทางพระพุทธศาสนา จะบำเพ็ญในโลกกับเขา ถ้าไม่พบพระพุทธศาสนาไม่พบพระสงฆ์แล้ว เสียคราวเสียสมัยที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าว่าพบพระพุทธศาสนาพบพระสงฆ์เข้าแล้ว บุญลาภอันล้ำเลิศ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ทีเดียวพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญ ต้องการบุญเท่าไหร่ ก็โกยเอาซิ ตวงเอาซิ ตามความปรารถนา ปฏิบัติวัตรฐากเข้าซิ จะได้บุญยิ่งใหญ่ไพศาล.ที่มา,หน้า ๓๓๔ บ.๔ (กัณฑ์ที่ ๒๔ เกณิยานุโมทนาคาถา ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๗)

บริจาคทานในพระพุทธศาสนา ให้เป็นกลาง (สังฆทาน)

อุบาสกอุบาสิกา บริจาคทานในพระพุทธศาสนา ให้ให้เป็นกลาง ไม่ค่อนข้างตนและหมู่ตนพวกตน ให้ให้เป็นกลางอย่างนั้น ได้ชื่อว่าบริจาคทานถูกทางสงฆ์ ถูกประมุขของบุญทีเดียว ถูกเป้าหมายของบุญทีเดียวถ้าต้องการบุญ ก็ถวายในพระสงฆ์ ไม่เจาะจงภิกษุองค์หนึ่งองค์ใด มั่นหมายไปในหมู่พระสงฆ์ทีเดียว จะมีข้าวถ้วยปลาตัวก็ช่าง มีสิ่งอันใดก็ช่าง ก็ถวายพระสงฆ์ ให้ใจตรงเป้าเป็นกลาง ให้ทำดังนี้จะถูกบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา.ที่มา,หน้า ๓๒๘ (กัณฑ์ที่ ๒๔ เกณิยานุโมทนาคาถา ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๗)